นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล
รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและนายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยกับ
ฐานเศรษฐกิจ ว่า ภายในวันที่ 19
สิงหาคมนี้จะมีการแถลงเปิดตัวการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาข้าวโพดไทยเพื่อนำ
เสนอให้ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
รับไปพิจารณาในการแก้ไขปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้มีความยั่งยืนและสามารถ
แข่งขันได้ในระยะยาว ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมอาหารสัตว์
ที่ ทางสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยจัดทำขึ้น
สำหรับยุทธศาสตร์การพัฒนาข้าวโพดจะแบ่งเป็น 3
ด้านหลักคือด้านความปลอดภัย ด้านความยั่งยืน และด้านความมั่นคง
ซึ่งจะมีการแยกออกเป็นกลยุทธ์ย่อย เช่น เน้นเพิ่มผลผลิต
การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างไร การนำเทคโน
โลยีเข้ามาทดแทนแรงงานที่ขาดหายไปอย่างไร การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์
การกำหนดพื้นที่ปลูก เป็นต้น
สินค้าเกษตรหลายตัวต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติและ
ให้ความรู้กับเกษตรกร อย่างข้าวโพด จะทำอย่างไรให้เพิ่มผล ผลิตจาก 700
กิโลกรัมต่อไร่ เป็น1,000-1,500 กิโลกรัมต่อไร่ การลดต้นทุนจะทำอย่างไร
การบังคับให้ข้าวโพดออกในช่วงที่ขาดแคลน ซึ่งยุทธศาสตร์ที่จะเสนอ
คสช.เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นไม่ได้คาดหวังว่ารัฐจะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้
ทุกอย่าง
แค่อยากให้รัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนปัจจัยเงินทุนในการให้ความรู้แก่เกษตร
กรหรือแก้ระเบียบข้อบังคับให้มีความสะดวกมากขึ้นเป็นต้น
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า
คสช.ได้สั่งการให้กระ ทรวงพาณิชย์ดูแลสถานการณ์ราคาข้าว
โพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศปีนี้ไม่ให้ตกต่ำจนเกษตรกรผู้ปลูกได้รับความเดือด
ร้อน เบื้องต้นไม่ให้ใช้มาตรการช่วยเหลือทั้งในรูปแบบการรับจำนำ
หรือประกันรายได้เหมือนในอดีต
แต่ได้ให้ไปหามาตรการดูแลในรูปแบบอื่นที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์
ราคาข้าวโพดที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้
(ราคาข้าวโพดความชื้น 14.5% ณ ปัจจุบันเฉลี่ย 9.80
บาทต่อกิโลกรัม)เพราะเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย
ขณะที่โรงงานอาหารสัตว์มีความต้องการเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ
และเพื่อเก็บสต๊อก หลังจากอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ปีนี้เริ่มฟื้นตัวแล้ว
ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ดีขณะนี้ไซโลรับซื้อข้าวโพดต้องหยุดรับซื้อเนื่องจากราคาข้าวโพดใน
ประเทศสูงกว่าต่างประเทศทำให้ไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้
อย่างไรก็ตาม
หากเปรียบเทียบราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% (ณ 22 ก.ค. 57)
เฉลี่ยอยู่ที่ 7.25 บาทต่อกิโลกรัม ต่ำกว่าราคาในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 8.31 บาทต่อกิโลกรัม
ส่วนราคารับซื้อหน้าโรงงานอาหารสัตว์ อยู่ที่กิโลกรัมละ 10.05-10.50 บาท
ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ที่กิโลกรัมละ 10.15-10.30 บาท
และราคาส่งออก (เอฟโอบี) ตันละ 285-290 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
แนวโน้มการผลิตข้าวโพดในประเทศในปี 2557/58 คาดจะมีปริมาณ 5.09 ล้านตัน
ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการ
ทั้งนี้เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาข้าวโพดอาหารสัตว์ขาดแคลนทางสมาคมการค้าพืช
ไร่ได้แสดงความเห็นโดยขอให้มีการอำนวยความสะดวกในการนำเข้า
หลังจากที่มีผู้ประกอบการของไทยไปลงทุนทำเกษตรแบบพันธะสัญญา(คอนแทร็กต์ฟาร์
มมิ่ง) ในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เมียนมาร์
เพื่อนำกลับเข้ามาใช้ในประเทศ
แต่ติดปัญหาเงื่อนไขการนำเข้าของไทยที่ยังจำกัดปริมาณ และกำหนดด่านนำเข้า
และช่วงเวลาการนำเข้าเพื่อป้องกันผลกระทบต่อเกษตรกรในประเทศ
ดังนั้นในเรื่องนี้ขอให้รัฐบาลได้ผ่อนปรนมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
ไม่อนุญาตให้มีความคิดเห็นใหม่